Direct Print กับ Paper Transfer
Direct Print กับ Paper Transfer….
ระบบพิมพ์แบบ Direct Print
ข้อดีระบบพิมพ์แบบ Direct Print
- ประหยัดต้นทุนในการผลิตเพราะ
- พิมพ์ลงผ้าโดยตรง ไม่ต้องใช้กระดาษ Paper Transfer ประหยัดต้นทุนกระดาษได้มาก
- ประหยัดเวลาผลิตเพราะการอบผ้าด้วยความร้อนสามารถทำได้ง่าย รวดเร็ว โอกาสที่งานเสียน้อยมาก Direct Print จึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้ผลิตที่ต้องการต้นทุนต่ำ ผลิตงานง่าย รวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดการใช้แรงงาน
- ข้อดีข้อที่สองของ Direct Print คือสามารถพิมพ์ถมสีลงบนเนื้อผ้าได้มากกว่าการพิมพ์แบบ Paper Transfer เพราะ Direct Print พิมพ์สีลงบนผ้าโดยตรง เปิดโอกาสให้เราสามารถกำหนดปริมาณ ความหนัก หรือเบาของหมึกพิมพ์ที่เหมาะสมลงบนเนื้อผ้าได้ Direct Print จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งใน
- การนำมาพิมพ์ธงชายหาด เนื่องจากการใช้งานธงชายหาด จำเป็นต้องเห็นสีพิมพ์ทั้งสองด้าน จากด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งจำเป็นต้องถมหมึกพิมพ์ลงบนผ้าในปริมาณมาก ให้หมึกซึมทะลุไปด้านหลัง
- การนำมาพิมพ์ผ้า Backlit เพื่อใช้กับตู้ไฟ (Lightbox) เนื่องจากวัสดุ Backlit จำเป็นต้องมีการลงหมึกพิมพ์ที่หนักและเข้ม เมื่อนำมาใช้กับตู้ไฟ จะมีความสว่างสวยพอดี
ข้อเสียของระบบพิมพ์แบบ Direct Print
- งานพิมพ์คุณภาพต่ำกว่า Paper Transfer กล่าวคือ ความคมชัดของภาพน้อยกว่า และสีไม่สด สว่างเท่า Paper Transfer
- ผ้าที่จะนำมาพิมพ์นั้น ผิวผ้าต้องผ่านการเคลือบสารจากโรงงานทอผ้าเพื่อรับหมึกพิมพ์ Inkjet เท่านั้น
นั่นหมายความว่าผ้าที่วางขายตามร้านค้าต่าง ๆ ไม่สามารถนำมาพิมพ์ได้ ตัวเลือกผ้าจึงจำกัดมาก ๆ
- โดยทั่วไป ผ้าสำหรับ Direct Print ไม่สามารถซักได้ เนื่องจากผิวผ้ามีการเคลือบสารสำหรับรับหมึกพิมพ์ ซึ่งหลังจากซักแล้ว อาจมีคราบหลงเหลืออยู่บนเนื้อผ้าเป็นรอยด่าง
ระบบพิมพ์แบบ Paper Transfer
ข้อดีของระบบพิมพ์แบบ Paper Transfer
- ภาพคมชัดเนียนกว่า Direct Print แบบชัดเจน เนื่องจาก การพิมพ์แบบ Paper Transfer นั้นจะพิมพ์ลงบนกระดาษ Paper Transfer ที่ผลิตมาเพื่อรองรับหมึกพิมพ์ Inkjet ซึ่งกระดาษนี้มีความสามารถรองรับการพิมพ์ความละเอียดสูงมาก สามารถรับงานพิมพ์ความละเอียดสูงสุดเท่าที่เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ละเอียดได้ งานที่พิมพ์บนกระดาษ Transfer จึงมีความละเอียด และมีความเนียนสูงมาก เมื่อนำมาประกบรีดลงบนผ้าจะได้ภาพที่มีความคมชัดสูง
- ให้สีที่สดใส โดดเด่นกว่า Direct Print แบบชัดเจน
- คุณภาพงานพิมพ์สูง มีความสวยงามโดดเด่นกว่า Direct Print ภาพพิมพ์ Paper Transfer มีความเนียน เห็นรายละเอียดในส่วนของ Shadow และ Highlight ได้ชัดเจนกว่า ภาพดูดีมีมิติชัดเจนกว่า Direct Print
- งานพิมพ์ผ้า Backlit ให้ความสว่าง สีสด สีใส โดดเด่นกว่า Direct Print
- เนื่องจากระบบพิมพ์ Paper Transferเป็นการพิมพ์ลงบนกระดาษ แล้วนำไปรีดลงบนผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าที่นำมาใช้ จึงไม่ต้องผ่านการเคลือบสารจากโรงงานทอผ้าเพื่อรับหมึก Inkjet แบบ Direct Print นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้ผ้าที่วางขายกันทั่วไปมาผลิตงานได้ ขอเพียงแค่ผ้านั้นมีส่วนผสมโพลีเอสเตอร์ขั้นต่ำ 60% ระบบพิมพ์แบบ Paper Transfer จึงพิมพ์ลงบนผ้าได้หลากหลายชนิดกว่า เปิดโอกาสในการทำตลาดใหม่ ๆ
ข้อเสียของระบบพิมพ์แบบ Paper Transfer
- ต้นทุนผลิตสูงกว่า เนื่องจากต้องพิมพ์ลงบนกระดาษ Transfer Paper แล้วนำไปรีดลงบนผ้า กระดาษ Transfer คุณภาพดี มีราคาต้นทุนสูง
- เครื่องรีดกระดาษ Transfer Paper ลงบนผ้ามีราคาสูงกว่าเครื่องอบผ้า Direct Print อยู่ 4-5 เท่า และใช้กระแสไฟฟ้าเยอะกว่า 3 เท่า และต้องเป็นไฟฟ้าแรงดัน 380 โวลต์ (ไฟสามเฟส) ไม่สามารถใช้กับไฟบ้านทั่วไปที่มีแรงดัน 220 โวลต์
- ขั้นตอนการรีด Transfer Paper ลงบนผ้านั้นมีความยากลำบากกว่า มีขั้นตอนการปฏิบัติมากกว่า และงานมีโอกาสเสียมากกว่า การอบผ้าของระบบ Direct Print
- ไม่เหมาะกับการนำมาผลิต ธงชายหาด เนื่องจากสีพิมพ์บนกระดาษที่แห้งแล้ว ไม่สามารถซึมซับทะลุผ่านเนื้อผ้าไปด้านหลังได้มากนัก ข้อนี้ ท่านที่ต้องการธงชายหาดไปใช้งานควรตรวจสอบระบบพิมพ์ที่ผู้ผลิตใช้ว่าเป็นแบบ Direct Print หรือ Paper Transfer เพราะผลลัพธ์ที่ได้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
- คุณภาพ ความคมชัด และความสดของสี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ Transfer Paper ที่ใช้ Transfer Paper ที่มีคุณภาพสูงมีต้นทุนสูงพอสมควร
- ใช้เวลาในการผลิตงานพิมพ์และจำนวนคนมากกว่า ระบบ Direct Print
ดูรูปเปรียบเทียบงานพิมพ์ Direct Print และ Paper Transfer
สรุปข้อเสียของงานพิมพ์ระบบ Paper Transfer คือต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า และกระบวนการผลิตยากกว่า Direct Print